เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

กลยุทธ์การลงทุนขั้นเทพ ของพี่ David Ryan

กลยุทธ์การลงทุนขั้นเทพ
ของพี่ David Ryan


"เล่นหุ้น เหมือนกับการเล่นเกมล่าสมบัติขนาดยักษ์ 
ตรงไหนสักแห่งในนี้ (เขาตบสมุดชาร์ทรายสัปดาห์) 
มันมีหุ้นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่และผมกำลังพยายามที่จะค้นหามันให้เจอ"

หุ้นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ หน้าตาเป็นยังไง?
- ควรจะมีความแข็งแกร่งบางอย่างใหม่ ๆ เกิดขึ้นกับกิจการ เช่นผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเป็นผู้นำในตลาด และผลิตภัณฑ์ใหม่ของหุ้นระดับ SME น่าสนใจกว่าหุ้นกิจการใหญ่
- RS สูง ๆ ยิ่งสูงยิ่งดี อย่างน้อย 80 และถ้าเกิน 90 จะแจ่มมาก หุ้นหลายตัวมีค่า RS สูงขึ้น ก่อนจะมี EPS break out ด้วยซ้ำ
- ทำ All time high หรืออย่างน้อยต้อง 52 week high เพราะไม่มีแนวต้านดักอยู่ข้างบน หรือมีก็น้อยมากแล้ว ไม่มีใครติดหุ้นอยู่อีกแล้ว ทุกคน happy เมื่อทุกอย่างเป็นใจ ราคาจะวิ่งขึ้นเร็วมาก
- มีความแข็งแกร่งที่สุดในตลาดทั้งแง่ของกำไรและภาพทางเทคนิค
- ราคาวิ่งมาแล้ว 2 เท่า เพราะมองว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาอย่างมากกำลังเกิดขึ้น บางทีสองเท่านั้นอาจแค่เริ่มต้น มันอาจไปต่อได้อีกสองเท่าก็ได้
- มี earning ย้อนหลัง 5 ปี และเทียบ earning ของ 2Q ล่าสุด อัตราการเติบโตของกำไรในแต่ละ Q ต้องโตขึ้น นอกจากนี้ EPS เทียบกับ EPS เฉลี่ยของกลุ่มว่าควรอยู่ในลำดับสูง
- มีหุ้นในตลาดน้อยกว่า (เช่น ไม่เกิน 30 ล้านหุ้น ถ้ามีแค่ 5-10 ล้านหุ้นยิ่งดี)



ซื้อเมื่อไหร่?
- ราคา Breakout จากฐานราคาที่สมบูรณ์ (Cup with handle, double bottom, etc) โดยควรมีการวิ่งของราคามาก่อนแล้วซักระยะ เพราะนั่นหมายถึงหุ้นนั้นมีบางอย่างน่าสนใจในสายตาของนักลงทุน
- ตอน breakout วอลุ่มต้องมากกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า สื่อว่ามีคนสนใจมากและต้องการซื้อมัน
- เห็น breakout แล้วซื้อทันที หรือซื้อให้เร็วที่สุด
- ไม่ชอบต่อราคา อยากได้เคาะเลย แต่ต้อง breakout จากฐานราคาที่ใช่เท่านั้น


ตัดขาดทุนยังไง?
- เปอร์เซ็นต์ซื้อแล้วชนะแค่ 50% เท่านั้น (ซื้อ 10 ผิด 5)
- แต่ตัดขาดทุนไว ให้มากสุดแค่ 7%
- ถ้าหุ้นที่ซื้อแล้ว (เขาชอบซื้อตอน breakout) มันกลับลงมาอยู่ในฐานราคาเดิม จะขายออกครึ่งหนึ่งก่อน ถ้าลงต่ออีกก็ต้องขายให้หมด เพราะมันจะลงไปถึงฐานเก่าได้เลย




ถือยังไง?
- ถือหุ้นผู้ชนะ 6-12 เดือน
- ไม่มีราคาเป้าหมาย ถือไปจนกว่าจะเห็นสัญญาณขาย
- ซื้อแล้วราคาวิ่งขึ้น และเริ่มทำรูปแบบบีบตัว วอลุ่มควรลดลง
- ถ้าเลือกหุ้นได้ดี และเลือกจุดเข้าซื้อดี เราควรจะได้กำไรตั้งแต่ไม้แรกที่ซื้อ
- หุ้นขาขึ้นที่อยู่ในระยะสะสม และควรถือต่อ จะต้องมีวอลุ่มที่ลดลงจนแห้ง ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยน trend เป็นขาลง



ขายตอนไหน?
- รอดูตอนสร้างราคาใหม่ ถ้าหลุดทะลุลงจากฐานก็ขายทิ้ง
- เกิดสัญญาณตลาดหมี โดยสังเกตุจากพฤติกรรมหุ้นที่ตนเองถืออยู่ ในขณะที่ตลาดยังเป็นกระทิงอยู่ แต่ leading stocks เริ่มอ่อนแรง อาจหมายความว่าหมีกำลังมาเยือน ถ้าหุ้นในพอร์ทถึงจุด stop หลาย ๆ ตัวในระยะเวลาใกล้เคียงกัน เป็นจุดให้เราระวังตัวและพร้อมจะออกจากตลาดได้เสมอ

สิ่งที่อยากบอกน้องๆเทรดเดอร์
- พยายามเรียนรู้จากตลาดมากที่สุด

- ต้องมี trade diary เพื่อจะจดว่าทุกครั้งที่เข้าซื้อหุ้น ซื้อเพราะเหตุผลอะไร เมื่อเอามาศึกษาซ้ำอีกครั้ง จะช่วยตอกย้ำแนวคิดของตนเองถึงการศึกษาลักษณะหุ้นที่เป็น winning stocks ในขณะเดียวกันก็จะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง

- ไม่ควรซื้อหุ้นราคาอยู่ห่างจากระดับราคาที่ breakout จากฐานเกินไป, ใช้เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นที่เคร่งครัด และต้องมีวินัยในการลงทุน ยิ่งวินัยสูงไม่แหกกฏมากเท่าใด จะได้ผลตอบแทนดีขึ้นเท่านั้น แต่ถ้ายิ่งฟังข่าวหรือข่าวลือ จะยิ่งมีผลตอบแทนแย่ลง

- ควรเลือกหุ้นโดยการ screen ด้วย chart ก่อน จดหุ้นที่มี strong technical action แล้วรวบรวมเป็นลิสต์ อย่าเลือกหุ้นที่ราคาถูกเกินไปเพราะว่าหุ้นประเภทนี้มีเหตุผลที่ราคาของมันต่ำอย่างนั้น

- Trader ที่ดีควรจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง ทั้งในด้านที่ประสบความสำเร็จ และความล้มเหลว แล้วนำมาปรับปรุงหลักการลงทุนของตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

- จงรักในสิ่งที่ตัวเองทำ มองหาความสนุกและความท้าทายจากการลงทุนและตลาดอยู่เสมอ ถ้าเราชอบและมีความสุขกับสิ่งที่เราทำ เราจะประสบความสำเร็จได้มาก



- สาเหตุที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดล้มเหลว ที่พบบ่อยสุดคือ เขาเหล่านั้นไม่เจอระบบของตนเอง ที่ตนเองสามารถทำตามได้ดีโดยเคร่งครัด จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง นี่เป็นหนทางเดียวที่จะเปลี่ยนตนเองให้เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ

- สิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุดของตลาดคือ ตลาดเปิดโอกาสให้เราค้นหาหุ้น big winner ตัวใหม่ ๆ ได้เสมอ หน้าที่ของเราคือ แปลงการลงทุนให้เป็นการล่าสมบัติ
… มองไปในตลาด มองไปใน chart ทั้งหลายแล้วคิดเสมอว่าหนึ่งในนี้คือ big winner และเรากำลังค้นหามันอยู่
… จงสนุกกับมัน หมั่นคอยติดตาม ค้นหาหุ้นที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ตนเองคาดไว้ว่านี่คือหุ้น big winner ตัวต่อไป เลือกลงทุนกับมัน และดีใจกับความสำเร็จในการลงทุนเมื่อสิ่งที่เราคิดและทำนั้นถูกต้อง

หนังสือแนะนำ
How to make money in stocks (ของโอนีล), How I made $2 million in the stock market (Nicholas Darvas), Reminiscences of a stock operator (Edwin Lefevre), Super performance stocks (Richard Love) และอื่น ๆ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading