เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

5 ปีแห่งการค้นหาตัวเอง

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit

มีโอกาสนั่งดู timeline ตัวเองที่ facebook แจ้งเตือนทุกๆวัน พบว่าตัวเองหมกมุ่นโพสต์แต่เรื่องหุ้นแบบจริงจัง มาได้ 3 ปีแล้ว ไวมาก แต่ผมก็ไม่เบื่อเลยนะ ยังมีเรื่องใหม่ๆให้ค้นหาได้เรื่อยๆ อาจเป็นเพราะว่าตัวเองหัวขี้เลื่อยด้วยแหละ ถ้าไม่โดนก็ไม่จำ
ความจริงแล้วผมเทรดมาได้ร่วม 5 ปีแล้ว ก็เจออะไรมาพอสมควร ว่างๆจึงขอเล่าความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง สองช่วงใหญ่ๆ ให้อ่านกันดังนี้

#EP1 หวังรวยทางลัด
๑) เริ่มจากการชอบเล่นหุ้นปั่นก่อนเลยครับ ช่วงแรกๆนี่ตามเพจเชียร์หุ้นซิ่งทั้งนั้น อยากรวยเร็ว เลยหาทางลัด เซีนหุ้นเขาใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะรวย เรานี่ปีเดียวมหาเศรษฐี ได้ลัดจริงครับ แต่เป็น "ลัดวงจร" พอร์ตพัง เพราะไม่รู้จักจุดซื้อ ซื้อตอนพักตัว แท่งสั้นๆวอลุ่มลด แต่ทำไมเข้าทีไร ราคาลดทุกที ขาดทุนเหวอะหวะทุกครั้งไป สาเหตุคือเราตามทีหลังเขาไง แท่งราคาเขียวยาววอลุ่มสูงสื่อว่า มีการเก็งกำไรสุดๆแล้ว พวกเก๋าๆเตรียมขาย เราก็ไปรับหุ้นจากเขาพอดี เจ๊งสิครับ
อีกอย่างไม่ได้ดูฤดูกาลด้วย เล่นมันทั้งปี ทั้งที่จริงแล้วถ้าเข้าถูกช่วงก็มีโอกาสได้ตังค์ แต่ก็นั่นแหละ กว่าที่เราจะรู้ว่ามันวิ่ง ก็โน่นโซนจุดสูงสุดไปแล้ว

๒) หุ้นเทิร์นอะราวด์ ชอบมาก นี่ก็กะรวยเร็วเหมือนกัน ซึ่งก็ "ลัดวงจร" ช็อตแน่นิ่งไปเกือบทุกตัว เหตุผลคือ ผมไปโฟกัสที่หุ้นต่ำบาทไง ซึ่งไอดอลเรารวยจากหุ้นพวกนี้เยอะ เขียนหนังสือกันมากมาย เราก็เอาบ้าง เห็นหุ้นต่ำบาทนอนก้นก็เข้าไปเก็บ หวังจะรอให้มันดีดขึ้นไปเป็นเด้ง แต่ที่ไหนได้ ไม่ดีดกลับ "ดิ่ง" แทน ก็เลยเจ็บหนักไปตามระเบียบ เพราะหุ้นต่ำบาทแม้ลงช่องเดียวแต่เปอร์เซ็นต์ลบมันเป็นสิบ
พอวิเคราะห์ตัวเองก็พบว่า จุดซื้อไม่ดี อีกเช่นกัน ดูหุ้นไม่เป็นด้วย เลือกแต่หุ้นเน่าเพิ่มทุน บ้าไปแล้ว
ที่สำคัญคือหุ้นเทิร์นอะราวด์น่ะ เล่นยากที่สุดแล้ว ขนาดเซียนยังโดน นับประสาอะไรกับเม่าหวังรวยทางลัดอย่างเรา จำได้ว่าช่วงนั้นมีจดหมายแจ้งให้เพิ่มทุนบ่อยมาก พอใส่เงินเข้าไปก็เหมือนเดิม เรียกว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

สรุปคือ ช่วงปีแรกๆ ผมอวดเก่งครับ อวดดีมาก ที่คิดว่าตลาดหุ้นมันง่าย คนอย่าง ดร.นิเวศน์ พี่โจ เสี่ยยักษ์ เขาใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะปั้นพอร์ตเป็นพันล้าน เม่าโง่อย่างเราคิดรวยเป็นล้านในปีเดียว เมื่อคิดลัดในเกมส์ที่เขี้ยวแบบนี้ จึงไม้แปลกที่เราต้องจ่ายค่าเทอมไปมากมาย
- ตลาดหุ้นไม่ง่าย คนมักง่ายมักจะแพ้เสมอ

แต่กระนั้น ในความล้มเหลว ผมได้ข้อคิดติดตัวมาพอสมควรคือ
- เรื่องเส้นค่าเฉลี่ย
- วอลุ่ม
- รู้ว่าหุ้นต่ำบาท หุ้นเน่า ไม่ควรไปยุ่งกับมัน

#EP2 ตามแนวโน้ม
๓) ก็โชคดี ปลายปีที่แล้วเริ่มคิดได้ และมีโอกาสได้อ่านหนังสือของปู่โอนีล How to Make Money in Stocks ซึ่งอ่านครั้งแรกๆก็ไม่เข้าใจ ที่อินหน่อยก็เป็นเรื่องเส้นค่าเฉลี่ย

จุดเปลี่ยนคืองานของพี่มาร์ค "เทรดแบบเซียนหุ้น ให้ได้กำไรขั้นเทพ" นี่แหละ เห็นภาพมากขึ้น จึงกลับไปอ่านของปู่โอนีลอีกครั้ง จึงได้เก็ทมากขึ้น รู้จักรูปแบบ cup with handle แล้วมันยังพาให้ผมค้นลึกขึ้นไปอีกเกี่ยวกับการแบ่ง stage การดูแนวโน้มหุ้นภาพใหญ่ ขาขึ้นเป็นแบบนี้ ขาลงหน้าตาอย่างนี้ จุดซื้อที่ดีควรอยู่ตรงนั้น และมันยังพาให้ผมไปรู้จักไอเดียของทวดลิเวอร์มอร์, Weinstine, Wyckoff ซึ่งมันช่วยขยายความสิ่งที่ปู่โอนีลและพี่มาร์คเขียนไว้มากขึ้น

ซึ่งสิ่งที่ผมค้นคว้ามาทั้งหมดนั้นมันก็ได้ถูกรวบรวมเอาไว้ในหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" นั่นแหละครับ มันคือวิทยานิพนธ์ชีวิตใหม่ในเส้นทางการเทรดของผมนั่นเอง
โดยสิ่งที่ผมได้จากการทำหนังสือเล่มนี้คือ
- ผมได้ mindset เรื่องการตัดขาดทุนครับ ถ้าอยากเป็นผู้ชนะคุณต้องรีบ action กับมันให้ไวที่สุด
- ผมมีความลึกซึ้งกับ cup with handle จนตอนนี้เปิดกราฟมาต้องมองหารูปแบบราคานี้ก่อน
- รู้จักรอจังหวะพักตัวสวยๆ ค่อยเข้า ซึ่งเมื่อก่อน เห็นแท่งเขียวไม่ได้ต้องตามแบบไม่คิด ตอนนี้ดูทรงก่อน ถ้าใช่ค่อยตาม
- กล้าตัดขาดทุน ตัดไวด้วย
- กล้ารันเทรนด์ และกล้าขายล็อคกำไรมากขึ้น จากที่ครั้งก่อนเงอะๆงะๆ
สรุปคือมันเป็นหนังสือเปลี่ยนชีวิตของผมอีกเล่มนึง
- มีวิธีเลือกหุ้น หาบริษัทที่ดี
- แน่นอนเป็นการสรุปรวบรวมสิ่งที่กระจัดกระจายไว้ในที่เดียว

จากนั้นมาถึงวันนี้ เส้นทางการทำเงินจากการเทรดดีขึ้นครับ
- ผมกลายเป็นกลัวการขาดทุน รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ตัวเลขติดลบ มักเตือนตัวเองทุกครั้งว่าถ้าไม่อยากให้พอร์ตเสียหายเหมือนก่อน ต้องรีบทำอะไรสักอย่างกับการขาดทุนครั้งนี้ซะ
- ความอยากรวยของผมยังเหมือนเดิมครับ ยังโลภอยู่เช่นเดิม ชอบเล่นหุ้นซิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่วิธีการก็เปลี่ยนไป คือไม่คิดจะรวยลัดอีกแล้ว เอาเท่าที่ตลาดเค้าให้ก็พอ ค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ ทำใจร่มๆไว้
- ผมคิดว่าการเล่นตามแนวโน้มมันสนับสนุนความปรารถนานี้ได้ โดยมีข้อแม้ว่าผมต้องให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีพื้นฐานมากขึ้น หุ้นราคาแพงก็ซิ่งได้ ถ้าทรงมันมา ผมกล้าเล่นหุ้นราคาเกินสิบบาท ครึ่งร้อยก็เอาถ้าทรงมันได้ (ไม่เหมือนก่อนที่เน้นต่ำ 5 หรือต่ำบาทไปเลย ซึ่งโอกาสชนะมีน้อยกว่า)
- ที่รู้อีกอย่างคือ หุ้นพื้นฐานดีก็ซิ่งได้ครับ แถมมีจุดเข้าทำกำไรได้หลายครั้งด้วย โฟกัสหุ้นพวกนี้ก็พอแล้ว เพราะมีให้เล่นตลอดเวลา
พูดง่ายๆคือยังคงปักหมุดเป้าหมายไว้เช่นเดิม แต่เปลี่ยนวิธีการที่ดีขึ้น

#EP3 ทำให้สมบูรณ์แบบ
คือตอนนี้ผมคิดว่าได้เจอทางที่ใช่สำหรับตัวเองแล้วล่ะ เป้าหมายต่อไป คือพยายามเรียนรู้จากความผิดพลาดให้มากขึ้นเพื่อลดความเสียหายให้น้อยลงและเจอทางที่เหมาะกับตัวเอง

จริงแล้วนะ เราไม่ควรรังเกียจมันนะครับความล้มเหลวเนี่ย นี่คือเบาะแสแห่งการไปเจอตัวคุณเองที่ดีกว่าเดิมครับ ยิ่งเราเรียนรู้และปรับแก้มันไปเรื่อย คุณจะมีความเป็นปัจเจกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม, ความสมบูรณ์แบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอกครับ ผมก็เขียนไปงั้นแหละ ทุกอย่างมันต้องการ calibrate ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ตรงนี้แหละคือ perfect ในความหมายของผม ซึ่งมันท้าทายมาก

เพราะเป้าหมายเรามีแล้ว ก็ง่ายไปครึ่ง ต่อไปก็คือทำยังไงให้พลาดน้อยสุด เก็บเคสเอาไว้ให้มากที่สุด และรันกำไรให้มากสุดเพื่อให้กำไรทับถมสะสมให้โตขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้
แน่นอนครับ 'Shoot for the moon. Even if you miss, you'll land among the stars.'



((โฆษณา))
 เล่นหุ้นขาดทุน อย่าเพิ่งขาดใจ
ยังมีคนโดนหนักกว่าคุณอีก 
นี่คือความรู้ที่เขาได้จากการขาดทุน
ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท
ลองหาอ่านดู เผื่อท่านจะได้เห็นทางออก

มีขายเป็น eBook แล้วที่ mebmarket.com
ดูรายละเอียดที่ bit.ly/zyoebook3

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading