เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

กว่าจะเป็น Dan Zanger นักสวิงเทรด ผู้ปั้นพอร์ตจาก $10,775 ไปเป็น $18,000,000


Daniel J. Zanger เกิดที่ Los Angeles แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะเป็นมืออาชีพ(พ่อเป็นแพทย์, แม่เป็นนักจิตวิทยา) แต่เขากลับเรียนไม่จบวิทยาลัย ต้องออกไปทำงานเป็นผู้รับเหมาสระว่ายน้ำ 

เขาเริ่มให้ความสนใจในการเล่นหุ้นในปี 1978 แล้วจากนั้นก็ให้ความตั้งใจต่อการเล่นหุ้นอย่างจริงจัง เขาซื้อคอมพิวเตอร์มาใช้เพื่อเทรดและศึกษากราฟหุ้น
ตั้งแต่ปี 1998 จนถึง 2000 คุณสามารถเห็นหนุ่มแดนเกาะติดหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนๆร่วมครึ่งโหล สายตาจับจ้องกราฟหุ้น 40-60 ตัว เพื่อรอดูการ Breakout แพทเทิร์นต่างๆ ที่มาพร้อมกับวอลลุ่ม เพื่อที่เขาจะใช้โอกาสนั้นเป็นจุดซื้อ และจะขายเมื่อราคาหุ้นนั้นทะลุ pattern ลง 

เมื่อเขาตัดสินใจซื้อหรือขาย กลุ่มเพื่อนก็จะทำตามเขา แต่มาวันนี้เพื่อนๆเหล่านั้นก็หายหมด จนเหลือเขาเพียงคนเดียวที่ยังเทรดอยู่ ซึ่งเพื่อนเขาโดยส่วนใหญ่นั้นมักจะถอดใจไปก่อน หรือหมดความมุ่งมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ขาดทุนหรือพบว่าตลาดเล่นยาก

ทำงานหนัก ทุ่มเทเพื่อที่จะเอาดีให้ได้
เขาใช้เวลานับ 10 ปีในการเรียนรู้วิธีการที่จะเทรดให้ได้กำไรแน่นอนว่าเขาต้องขาดทุนเป็นจำนวนมาก แต่กระนั้นเขาก็สามารถทำเงินได้จำนวนมากเช่นกัน สิ่งที่ทำให้เขาสามารถลุกขึ้นมาจากความล้มเหลวหรือการขาดทุนได้ก็คือ เขามีความรักต่อการเทรดนั่นเอง ซึ่งเมื่อเขาหลงใหลในการเทรดไปแล้ว เขาจึงไม่ต้องการที่จะล้มเลิกกลางคัน



เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยมีต้นแบบที่เขาศรัทธามากก็คือ William O'neil ผู้เป็นเจ้าของแนวคิด CANSLIM นั่นเอง
อ่าน แนวทางการเทรดของ William O’Neil

นอกจากนี้เขายังทำงานหนักในการเรียนรู้และพยายามที่จะศึกษาสิ่งที่เทรดเดอร์เก่งๆเขาทำกัน เริ่มตั้งแต่ก่อนหน้าจะประสบความสำเร็จจนถึงจุดที่มั่งคั่งแล้ว  ดังนั้นเรื่องราวของเทรดเดอร์ไอเดลเหล่านั้นจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขาต้องทำงานหนัก ศึกษาให้หนัก และเทรดให้มาก เพื่อที่จะมีโอกาสเป็นคนประสบความสำเร็จได้แบบเขาบ้าง

พี่แดนพบว่าการมีความวิริยะ และหมั่นทำการบ้าน คือต้นตอรากฐานของความสำเร็จ เขารู้สึกว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่ให้เวลากับเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีความปรารถนาที่จะเรียนรู้ พวกเขาไม่มีการโฟกัสในสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำอย่างจริงจัง ไม่มีการตรวจสอบว่าทำไมมันถึงใช้งานได้ ทำไมมันถึงทำไม่ได้ผล ไม่ลงทุนเวลากับมันเป็นปีๆเพื่อที่จะเรียนรู้ และใช้งานให้ได้จริงๆ

ที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะคิดว่าการเทรดเป็นเรื่องง่าย พวกเขาเข้ามาด้วยความหวังแต่อีกไม่นานเขาก็ถูกทำลายให้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเพราะไม่เอาจริงและไม่ใส่ใจ และจากนั้นพวกเขาก็ยังทำผิดพลาดซ้ำในเรื่องเดิมอีก ในเมื่อเขาไม่เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองผิดพลาด ก็ไม่ต้องเดาว่าในอนาคตเขาจะเป็นยังไง แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นผู้แพ้ ต้องออกจากตลาดด้วยความชอกช้ำในที่สุด

10,0000 ชั่วโมง
กว่าจะประสบความสำเร็จ เทรดเดอร์ต้องใช้เวลาร่วมร่วม 4-6 ปีเป็นอย่างน้อย ในช่วง 15 ปีก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เวลามากกว่า 10,000 ชั่วโมงเพื่อการศึกษาทุกรูปแบบของ chart pattern ที่สามารถนึกขึ้นมาได้ จากรูปแบบราคาเริ่มต้นจากรูปแบบ Cup and handle ที่เรียนรู้จากอาจารย์ปู่โอนีล จนถึง falling wedges,  Ascending Triangles,  Bull and Bear Flag และรูปแบบอื่นๆอีกมากมายที่พอจะหาได้ และมันช่างโชคดีเหลือเกินที่รูปแบบราคาเหล่านี้ยังคงปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้
พูดง่ายๆว่าการที่เขาได้เรียนรู้และจำรูปแบบราคาต่างๆได้มันทำให้เขาเห็นโอกาสที่จะทำเงินได้อย่างมากมาย ถ้าเขาทำการบ้านมากพอ (จึงไม่แปลกที่เขาจะเน้นย้ำนักหนาว่า ให้ขยันทำการบ้านเพื่อหาหุ้นอย่างจริงจังและเป็นนิสัย)

และเมื่อเขาเอาความรู้ทางด้านรูปแบบราคา ไปรวมกับความรู้ทางด้านพื้นฐานที่เขามุ่งเน้นไปที่ความเติบโตของกำไรที่โดดเด่น(จาก CANSLIM) ด้วยแล้วมันยิ่งทำให้เขามีความปลอดภัยและแม่นยำในการเลือกหุ้นเล่นมากขึ้น

Chart Pattern
ในปี 1983 พี่ Dan ในวัยหนุ่มได้รู้จักหนังสือที่พูดถึงเรื่อง chart Pattern เขาจึงเอาความรู้นี้ไปใช้กับหุ้นที่มีราคาถูกๆ ที่มองว่าเขาสามารถใช้เงินจำนวนได้น้อยซื้อได้ แต่เขาก็พบว่าหุ้นราคาถูกๆนั้นมันไม่ค่อยมีรูปแบบราคาที่เขารู้จักเลย มันหา pattern ยากมาก(เพราะส่วนใหญ่มักจะเป็นขาลงหรือไม่ก็ซึมวิ่งขึ้นลงช่องสองช่องนั่นเอง)
ดังนั้นเขาเลยเลิกล้มความคิดนั้น โดยเลื่อนไปหาระดับราคาตั้งแต่ $50 ขึ้นไป พบว่ามันมีการสร้างฐานราคาตามตำรามากกว่าแถมเวลาวิ่งก็บวกแรงซิ่งโหด(ตรงนี้น่าจะมาจากสภาพคล่องที่น้อยด้วยแหละ เมื่อสภาพคล่องน้อย หากสถาบันเข้าซื้อ ราคาจะวิ่งขึ้นแรงมาก ซึ่งถ้าจำไม่ผิด ที่ USA จะไม่มีการกำหนดระดับ ceiling ด้วยครับ)

ตอนที่เขาได้เงินจากมรดกของแม่ผู้ซึ่งจากโลกไปเป็นจำนวน 10,0000 ดอลลาร์ ก็ได้เข้าสัมมนาคอร์สของปู่ William o'neil ผู้ที่เป็นเจ้าของแนวคิด CANSLIM และก็ได้เรียนรู้ chart pattern บางแบบ (นั่นก็คือ cup with handle) จากนั้นเขาก็ใช้เวลานับ 6 เดือนถึงปีเพื่อที่จะเรียนรู้ chart pattern เหล่านั้นรวมถึงหาข้อมูลเพิ่มเติม เขายังใช้เวลา 6 ชั่วโมงในทุกๆวันหยุดเสาร์อาทิตย์เพื่อศึกษา chart pattern และเขายังทำมันต่อเนื่องจนเป็นเวลานับพันชั่วโมง จนกว่าเขาสามารถทำความเข้าใจรูปแบบ Cup and handle ได้
แล้วจากนั้นเขาก็เรียนรู้ว่ามันยังมีรูปแบบราคานอกเหนือจาก cup and handle หรือ Channel Pattern เขาพยายามที่จะหาคอร์สเรียนที่ advance แต่ว่าปู่โอนีลบอกว่าไม่มี จึงต้องใช้เวลาศึกษาด้วยตนเองร่วม 6 ปีไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Trendline แท่งเทียนรายวัน รูปแบบราคากลับตัว และการพักตัวเพื่อสร้างฐาน(consolidation) ฯลฯ รวมถึงมีการเข้าสัมมนาเกี่ยวกับรูปแบบราคา ปีละ 2 ครั้ง


ได้กำไรแต่ก็คืนให้ตลาดจนหมดเพราะสงคราม
เขาเคยได้กำไรเป็นอย่างมากในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่งในปี 1991 แต่จากนั้นเขาก็เสียเงินไปทั้งหมดในช่วงที่เกิดสงคราม gulf war เพราะมันเป็นการพักฐานของตลาดที่รุนแรงครั้งแรกที่เขาเจอ  ซึ่งด้วยความที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เลยไม่ได้ขายหุ้นที่ตัวเองมีอยู่ทั้งๆที่มันร่วงถึง 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะด้วยความที่เขาคิดว่าถ้าบริษัทดีมีผลการดำเนินงานที่ดีมันจะต้องฟื้นกลับมาได้ แต่ด้วยความที่เขาใช้มาร์จิ้นในการซื้อหุ้นด้วย จึงถูกโบรกเกอร์บังคับให้ขาย นั่นทำให้พี่แดนต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก คือได้มาเท่าไหร่ ก็คืนกลับไปเท่านั้น(ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าต้องจ่ายดอกเพิ่มด้วยหรือเปล่า)

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้จักภาวะที่ตลาดเป็นขาลงอย่างรุนแรง มันทำให้ต่อมาเขาให้ความสำคัญต่อสัญญาณกลับตัวของตลาดและรีบขายหุ้นล้างพอร์ตออกมาก่อนที่ตลาดจะลงแรง 

ให้ความสำคัญกับจุดกลับตัว
ซึ่งจุดกลับตัวที่ส่วนสูงสุดนั้นเขาใช้การดู Trendline ถ้าราคาวิ่งทะลุเส้นนี้ขึ้นไปได้ เขาจะเริ่มขายหุ้นออก นอกจากนี้เขาใช้วิธีการดูรูปแบบการกลับตัวด้วยแท่งเทียนเช่น spinning Top หรือ bearish engulfing หลังจากที่ราคาวิ่งขึ้นอย่างรุนแรง แม้เขาจะไม่ได้ใช้ candlestick เป็นตัวช่วยประจำแต่เขาก็รู้ว่ามันทำงานยังไง (แนวทางการดูแท่งเทียนกลับตัวแบบที่ว่านี้ ท่านสามารถหาอ่านได้ในหนังสือ หุ้นซิ่ง สวิงเทรด ครับ สนใจก็ติดต่อไปที่เพจ facebook.com/zyobooks ครับ)

แม้ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลงอย่างรุนแรงเขาจะขาดทุนเป็นจำนวนมากแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เพราะว่าถ้าเขาไม่กลับมาเทรดอีกครั้ง เขาก็ไม่มีทางที่จะได้เงินคืน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเฝ้าหุ้นตลอด แม้ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง เพื่อที่จะจับสัญญาณการกลับตัว เพื่อที่จะเริ่มเทรดเพื่อเอาเงินคืน 

สรุปคือ เขาเริ่มเข้ามาเทรดหุ้นในปี 1976 และก็เอาจริงเอาจังในช่วงปี 1989 ซึ่งก็ได้กำไรอย่างมากมายแต่จากนั้นก็ขาดทุนยับในปี 1991


เสียหายหนักเพราะมาร์จิ้น
เหตุผลที่ทำให้เขาเสียหายหนักเพราะว่าเขาใช้มาร์จิ้นช่วยนั่นเอง มันจึงทำให้เขาเริ่มเข้าใจและเรียนรู้เรื่องของ Money management และการเตรียมพร้อมกับการรับมือกับตลาดที่พักฐานอย่างรุนแรงแล้ว คือเจอสัญญาณกลับตัวที่ยอดก็ให้รีบขายเพื่อเก็บเงินสดเอาไว้ เพราะว่ามันเป็นกุญแจสำคัญที่สุดที่จะทำให้เขาอยู่รอดในตลาดได้อย่างยั่งยืน


เป็นสุดยอดเทรดเดอร์ที่ทำเงินได้เยอะและเร็วที่สุดเป็นสถิติโลก
จากนั้นมาก็เป็นสตอรี่ของความสำเร็จที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง
คือเขาสามารถทำเงินคืนได้อย่างรวดเร็วจาก 10,000 เหรียญ กลายเป็น 18 ล้านเหรียญในช่วงเวลาแค่ 18 เดือนและสามารถเพิ่มไปเป็น 42 ล้านในเวลาแค่ 23 เดือน
(Dan Zanger claims to hold a world record for his trading one-year stock market portfolio appreciation, gaining over 29,000% จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Dan_Zanger)

แนวทางที่ประสบความสำเร็จของเขาคือ เน้นซื้อหุ้นที่วิ่งเร็ว(หุ้นซิ่ง)สัปดาห์ละ 1-2 ตัว ในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น และที่สำคัญเขารู้ว่าช่วงไหนที่ควรขายมัน และเขายังใช้มาร์จิ้นเป็นตัวช่วย(ไม่เข็ด) แต่เพราะประสบการณ์-ทำให้เขารู้สัญญาณพีคไกล้จุดกลับตัว จึงสามารถที่จะขายหุ้นออกในช่วงที่มันทำจุดสูงสุด แถมยังสามารถพบกำไรได้ทุกสัปดาห์

โดยแนวทางที่เขาใช้ก็คือการเล่นแบบ Swing Trade กับหุ้นที่วิ่งเร็วจาก 10 ถึง 25 เหรียญภายในวันหรือมากกว่านั้น แน่นอนว่าเขาใช้เวลาทั้งวันในการเฝ้าหน้าจอเพื่อที่จะให้ได้รับโอกาสที่ดีในการทำกำไรในช่วงนั้น

เขาบอกว่าตลาดมักจะเป็นขาขึ้นแค่ประมาณ 1 ใน 3 ของช่วงเวลาทั้งหมดเท่านั้น ถ้าคุณอยากได้กำไรก็ควรเล่นในช่วงเวลาที่เป็นขาขึ้นเท่านั้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลือนั้นไม่ควรเล่น เพราะมันจะทำให้คุณไม่ได้กำไรจากมันเลย ดังนั้นเป้าหมายของมืออาชีพก็คือเน้นเล่นเฉพาะในช่วงที่คุณรู้ว่าตลาดมันมีแนวโน้มเท่านั้น โดยคุณควรเล่นหุ้นในแบบที่เป็นเกมรุก แต่เมื่อตลาดเปลี่ยนไปคุณก็ควรกลับไปเป็นการเล่นแบบเซฟมากกว่าโดยเน้นถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่

พี่ Dan ยังเสริมอีกว่าในระหว่างที่ตลาดเป็นขาขึ้นนั้น เคล็ดลับที่สำคัญคือคุณต้องหาหุ้นที่เป็นผู้นำตลาดให้ได้ และซื้อมันในจังหวะที่คุณคิดว่าปลอดภัย จากนั้นก็ทนถือมันเพื่อทำกำไรจากการเป็นขาขึ้นให้ได้ผลตอบแทนอย่างสูงสุด จนกว่าจะเห็นสัญญาณจบรอบ แต่เขาก็ยังเตือนสติว่าการซื้อหุ้นที่ดีไม่ใช่การซื้อแล้วถือลืมแต่ให้ลงทุนหุ้นเฉพาะช่วงที่มันเป็นขาขึ้นเท่านั้น



สร้างคู่มือส่วนตัวของคุณเอง
การทำเงินจากการเทรดนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับทุกคน และมันจะมีคนเข้ามาเทรดเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งถ้าหากคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องค้นหาเส้นทางของคุณเอง เริ่มจากการลงมือทำ เรียนรู้จากการลงมือทำ ด้วยการสร้างแผนที่ระบุรายละเอียดเครื่องมือที่เหมาะสมกับเป้าหมายที่เจาะจง นี่เป็นกุญแจสำคัญในการเทรดที่ประสบความสำเร็จของพี่แดน ซึ่งเครื่องมือนี้จะช่วยให้เขาสามารถสร้างเงินจากหมื่นเหรียญเป็น 18 ล้านเหรียญได้

1) มีการเตรียมตัว
เป็นเรื่องที่น่าสมเพชถ้าคุณต้องเดินทางผ่านพื้นที่ทุรกันดารโดยไม่มีการเตรียมตัว การเทรดก็ไม่ต่างกัน คุณจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการอ่านชาร์ต เพื่อที่จะระบุว่าควรจะซื้อตรงไหนและขายตรงไหน รวมถึงจุดที่คุณจะต้องตัดขาดทุน ดังนั้น-ทุกวันก่อนที่คุณจะเทรด สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคุณต้องทำการบ้านเพื่อที่จะหาว่ามีหุ้นใดที่พร้อมวิ่งขึ้น และรู้ว่าจุดซื้อขายของคุณอยู่ตรงไหน สำหรับหุ้นแต่ละตัว

2) รู้จัก chart pattern ต่างๆ
พี่ Dan ใช้เวลาหลายปีในการเรียนรู้วิธีที่จะจดจำรูปแบบราคาได้อย่างแม่นยำ และสามารถระบุได้ว่าเมื่อไหร่ที่หุ้นตัวนั้นมันพร้อมที่จะวิ่ง หรือมันเหนื่อย โดยรูปแบบราคาที่ทำเงินให้กับ Zanger อย่างมากมาย ก็คือ Flag and Pennant, Cup and handle และ head and shoulder ซึ่งรูปแบบที่ว่านั้นมันสามารถมองเห็นได้ง่ายมาก โดยหนังสือที่เขาแนะนำก็คือ Japanese Candlestick Charting Techniques และ Encyclopedia of Chart Patterns ของ Bulkowski (ซึ่งเล่มนี้ผมแว๊บๆว่าพี่ Nui Stock Diary กำลังแปลอยู่ครับ)
และคุณอาจจะอ่าน สรุป Martin Pring on Price Patterns เสริมด้วยก็ได้

3) หาผู้นำให้เจอและเกาะไปกับมัน
การเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ทุกครั้ง มันจะเริ่มต้นจากหุ้นผู้นำเสมอ ซึ่งหุ้นนำตลาดนั้นจะมีประสิทธิภาพในการวิ่งดีกว่าหุ้นตัวอื่นๆ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมการรู้จักหุ้นนำตลาดนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันจะวิ่งได้รวดเร็วและทำกำไรให้มากกว่าหุ้นตัวอื่นอย่างเทียบกันไม่ติด

4)โฟกัส โฟกัส และโฟกัส
สำหรับ Zanger แล้วเวลาทำงานเขาจะไม่วอกแวกเลย เขาได้พัฒนาแนวทางการเทรดที่มุ่งเน้น เขามีความสามารถในการเฝ้าหน้าจอเป็นเวลาหลายชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเขามีจอคอมพิวเตอร์ถึง 8 ตัวช่วยสแกนหาหุ้น ซึ่งลักษณะนี้มันต้องอาศัยวินัยและใช้เวลา รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานิสัยให้ได้แบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้มีอะไรรบกวนเวลาที่เขากำลังเทรด อันจะทำให้เขาเสียสมาธิ

5) มีกฎสำหรับการซื้อขาย ของตัวเอง
พี่แดน ได้พัฒนาและสร้าง List ที่เขาเรียกว่า Dan's 10 Golden Rules ซึ่งมันเป็นแผนเพื่อการเทรดที่ประสบความสำเร็จ โดยมันได้รวมกฎเกี่ยวกับการเทรดทุกด้าน ตั้งแต่การหุ้นน่าซื้อรวมถึงสิ่งที่เขาไม่ต้องซื้อและจุดขายออกเพื่อที่จะทำกำไร หรือไม่ก็ตัดขาดทุน
โดยเขาได้พัฒนากฎเหล่านี้ขึ้น หลังจากที่เขาใช้เวลาในการเรียนรู้ทั้งเรื่องของการเทรดและจิตวิทยาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งพี่แดนได้พบว่ามันมีทั้งสิ่งที่เขาควรทำและไม่ควรทำ
Zanger บอกว่าทุกคนต้องเรียนรู้วิธีการสร้างกฎของตัวเอง ซึ่งมันต้องเหมาะกับบุคลิกภาพและความทนทานต่อความเสี่ยงของตัวเองเป็นหลัก
ซึ่งมี ๑๐ ข้อดังนี้

๑) Make sure the stock has a well formed base or pattern such as one described on this web site and can be found on the tab "Understanding Chart Patterns" on the home page, before considering purchase. Dan highlights stocks with these patterns in his newsletter.
ดูให้แน่ว่าหุ้นได้สร้างฐาน หรือ pattern ที่สมบูรณ์ ก่อนเข้าเทรด
(คือถ้ามันสมบูรณ์จริง มันต้องไปต่อ ไม่ย้อนกลับมาเล่นในฐานอีก)



๒) Buy the stock as it moves over the trend line of that base or pattern and make sure that volume is above recent trend shortly after this "breakout" occurs. Never pay up by more than 5% above the trend line. You should also get to know your stock's thirty day moving average volume, which you can find on most stock quote pages such as eSignal's quote page.
ซื้อ เมื่อเห็นว่าราคาได้ข้าม trend line ของฐานราคา หรือ pattern และต้องมีวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน


๓) Be very quick to sell your stock should it return back under the trend line or breakout point. Usually stops should be set about $1 below the breakout point. The more expensive the stock, the more leeway you can give it, but never have more than a $2 stop loss. Some people employ a 5% stop loss rule. This may mean selling a stock that just tried to breakout and fails in 20 minutes or 3 hours from the time it just broke out above your purchase price.
ขายเมื่อราคาหุ้นหลุดลงไปอยู่ใต้เส้น trend line หรือจุดที่มัน breakout โดยตั้งให้จุดคัทอยู่ต่ำกว่าจุดนั้นเล็กน้อย(กันโดนเขย่า)
นอกจากนี้ ให้ขายหุ้นที่มันพยายาม breakout แต่ไม่ผ่านภายใน 20 นาที
ขายหุ้นที่เบรคไปแล้วแต่ยืนไม่อยู่นานเกินกว่า 3 ชั่วโมงหลัง


๔) Sell 20 to 30% of your position as the stock moves up 15 to 20% from its breakout point.
ขายหุ้นออก 20 - 30% หลังจากที่หุ้นวิ่งไปได้ 15 - 20% จากจุดที่มัน breakout

๕) Hold your strongest stocks the longest and sell stocks that stop moving up or are acting sluggish quickly. Remember stocks are only good when they are moving up.
ทนรวยกับหุ้นขาขึ้น ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขายหุ้นอ่อนแอ หรือตัวที่หยุดเคลื่อนที่ ออกให้ไว
จำไว้เลยว่า หุ้นดี คือหุ้นที่วิ่งขึ้น (นอกจากนั้น เลวหมด)

๖) Identify and follow strong groups of stocks and try to keep your selections in the these groups
พยายามหาและติดตามกลุ่มหุ้นที่แข็งแกร่ง



๗) After the market has moved for a substantial period of time, your stocks will become vulnerable to a sell off, which can happen so fast and hard you won't believe it. Learn to set new higher trend lines and learn reversal patterns to help your exit of stocks. Some of you may benefit from reading a book on Candlesticks or reading Encyclopedia of Chart Patterns, by Bulkowski.
ยามที่ตลาดอ่อนแรง และกลับตัว หุ้นของเรามักจะร่วงหนัก แรง และเร็วเกินกว่าที่เราจะรับได้ ให้ไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ new higher trend lines และ reversal patterns เพราะมันจะช่วยให้คุณได้จุดออกที่ไวกว่า และปลอดภัยกว่า

๘)  Remember it takes volume to move stocks, so start getting to know your stock's volume behavior and the how it reacts to spikes in volume. You can see these spikes on any chart. Volume is the key to your stock's movement and success or failure.
จำไว้ว่า วอลุ่มคือกุญแจสำคัญสำหรับการเคลื่อที่ของหุ้น ศึกษานิสัยวอลุ่มของหุ้นที่คุณถือ ดูว่ามันมีปฏิกริยาอย่างไรในตอนที่วอลุ่มปะทุขึ้นสูงๆ

๘)  Many stocks are mentioned in the newsletter with buy points. However just because it's mentioned with a buy point does not mean it's an outright buy when a buy point is touched. One must first see the action in the stock and combine it with its volume for the day at the time that buy point is hit and take keen notice of the overall market environment before considering purchases.
หุ้นบางตัว(ตอนที่คุณทำการบ้านไว้)ดูเหมือนจะพร้อมเบรค แต่ก็อย่าเพิ่งเข้าทันทีเมื่อตลาดเปิด ให้รอดูพฤติกรรมราคามันก่อนว่าจะไปต่อมั้ย เพราะบางทีวอลุ่มและตลาดก็ไม่อำนวย


๑๐)  Never go on margin until you have mastered the market, charts and your emotions. Margin can wipe you out.
อย่าใช้มาร์จิ้น ถ้าคุณยังไม่เก๋าเกมส์พอ หากดูกราฟก็ยังไม่คล่อง คุมอารมณ์ตัวเองก็ยังไม่ได้ อย่าใช้มาร์จิ้นเลยครับ โอกาสหมดตัวมีสูงมาก
(บอกกันแบบนี้คนไม่โดนเองก็ไม่เชื่อหรอกครับ ใครๆก็มั่นใจในตัวเอง ถ้าเชื่ออะไรก็ทำไปเลย เดี๋ยวตลาดจะเฉลยผลสอบของคุณให้เอง การขาดทุนนั่นแหละครับคือสิ่งที่ตลาดบอกว่าคุณบกพร่องตรงไหนบ้าง ถ้าคุณมีการบันทึก หรือรีวิวการเทรด ก็จะรู้ว่าตัวเองพลาดจุดไหน
แต่ถ้าชีวิตคุณไม่มีการบันทึกหรือตรวจสอบตัวเอง ก็บ๊ายบายกันได้เลยครับ คุณจบไม่สวยแน่)

-------------------------------


6) หลีกเลี่ยงที่จะต้องเป็นผู้ถูกกระทำ
เขาคิดว่าบทเรียนที่ยากที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่คือการพัฒนาระเบียบวินัยเพื่อที่ให้ตัวเองต้องอยู่นอกตลาดหรือถือเงินสดให้มากเมื่อสภาพตลาดไม่เหมาะสำหรับการเทรดให้ได้กำไร
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เมื่อเขาเห็นหุ้นวิ่งขึ้นอย่างแรงก็มักจะหลงเข้าไปซื้อตาม แต่หุ้นตัวนั้นมันวิ่งขึ้นแค่ชั่วคราวแล้วกลับตัวแรงทำให้เขาต้องกลายเป็นผู้แพ้เพราะต้องตัดขาดทุนอย่างเสียไม่ได้หรือบ่อยครั้งก็ไม่กล้าตัดขาดทุนเพราะยังงุนงงกับการเคลื่อนไหวที่ผันผวนนั้น

 Zanger ได้เตือนเอาไว้ว่าไม่มีอะไรที่จะสอนเราได้ดีไปกว่าการขาดทุน และนอกจากนั้นคุณต้องรู้จักอดทนรอเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเทรดแล้วค่อยเข้าไปทำเงินกับมัน เมื่อคุณพัฒนาระบบและมีความหลงใหลในการเทรด ให้ความสำคัญกับการเตรียมตัว รวมถึงให้เวลากับการศึกษาความผิดพลาดที่มากพอ คุณก็จะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้



7) Mindset ที่ใช่และการศึกษาที่ถูกต้องคือปัจจัยสู่ความสำเร็จ
เมื่อคุณมีความคิดและการศึกษาที่ถูกต้อง คุณจะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น ที่ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก ความคิดและการศึกษาที่ถูกต้องนั้นมันเป็นเส้นทางเดียวเท่านั้นที่คุณจะต้องเดิน ไม่มีหนทางอื่น
เกมการเก็งกำไรมันมีกฎบางอย่างที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ หามันให้เจอด้วยตัวคุณเอง ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากคุณจะต้องเจอมันเอง

8) เรียนรู้จากตัวเองและคนประสบความสำเร็จ
คุณสามารถเรียนรู้การเทรดที่ประสบความสำเร็จโดยการทดลองและเรียนรู้ความผิดพลาดของคุณเอง ซึ่งวิธีนี้มีความเสี่ยงและเจ็บปวดอยู่มาก ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทนได้ แต่ถ้าคุณสามารถทนกับมันได้ มันจะทำให้คุณอยู่รอด

และอีกสิ่งที่ดีที่สุดที่อยากให้ทำก็คือพยายามเรียนรู้การเทรดที่ประสบความสำเร็จจากบรรดาผู้ที่มีประสบการณ์และเป็นมืออาชีพที่มั่งคั่งจากการเทรด พยายามเข้าหาและศึกษาบทเรียนของพวกเขาและหากพวกเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณก็จะทำให้คุณก้าวผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากได้ไม่ยาก

9) เลือกหุ้นที่ตลาดชอบ
คุณควรเข้าไปร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตลาดชอบ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตลาดสนใจมักจะให้กำไรแก่คุณอย่างสวยงาม(เพราะเงินจะเข้าไปเก็งกำไรหุ้นกลุ่มนั้นมากไงครับ หุ้นก็จะวิ่งขึ้นแรง ยิ่งเป็นผู้นำด้วยล่ะก็จะวิ่งแรงและบวกดีกว่าใคร)

10) รู้จักตัดใจ
ถ้าตลาดไม่ได้วิ่งไปตามความคาดหมายของคุณก็ให้ตัดขาดทุนซะการที่แดนสามารถเพลิดเพลินกับความสำเร็จในระยะยาวไม่ใช่เพียงเพราะเขารู้วิธีเลือกหุ้นที่ดีเท่านั้นแต่เนื่องจากเขารู้วิธีลดความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นอกจากนี้เขายังรู้วิธีที่จะออกจากตลาดเมื่อเขาได้กำไรอย่างเป็นที่พอใจแล้วหรือเขารู้สึกว่ากำไรของเขาเริ่มลดลง เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มรู้สึกว่าข้อสันนิษฐานของคุณผิดก็ให้ออกจากตลาดไปก่อน



11) ทนถือหุ้นผู้ชนะให้นานที่สุด
ให้พยายามทนถือหุ้นที่ยังเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งเอาไว้ให้นานที่สุด แต่จงอย่าทนถือหุ้นที่ขาดทุนนาน ให้รีบขายอย่างด่วนที่สุด ส่วนการขายหุ้นนั้น ถ้าหุ้นที่เคยเป็นขาขึ้นที่แข็งแรง แต่คุณเห็นว่ามันพักตัวใช้เวลาฟักตัวนานเกินไป-คุณก็สามารถขายออกได้ การถือหุ้นที่ดีนั้น-หุ้นตัวนั้นต้องวิ่งเป็นขาขึ้นทำกำไรให้คุณได้อย่างต่อเนื่อง ถ้ามันหยุดขึ้นโดยวิ่งออกข้างทำให้กำไรไม่เติบโตเป็นเวลานาน ก็ให้ตัดใจขาย 

12) สร้างนิสัยให้กล้าตัดขาดทุน
พยายามสร้างนิสัยในการตัดขาดทุนให้ไวที่สุด เพราะว่าหากตลาดเลือกทางได้แล้วมันจะวิ่งแรง คือถ้ามันเป็นขาลงที่ชัดเจนแล้ว มันมีโอกาสที่จะลงแรงได้ ถ้าคุณยังไม่รีบตัดขาดทุนมันก็ยิ่งร่วงหนัก จนทำให้พอร์ตคุณเสียหายมากขึ้น ดังนั้นให้สร้างนิสัยระแวดระวังและไม่ไว้ใจในหุ้นที่วิ่งสวนทางกับข้อสันนิษฐานของคุณ พูดง่ายๆคือถ้าซื้อแล้วร่วงให้เสียหายก็ให้สร้างนิสัยตัดขาดทุนเด็ดขาดตั้งแต่แน่นๆเอาไว้เลย

พี่แดนฝากทิ้งท้ายว่า คุณต้องรู้ว่าคุณมีหน้าที่-ที่จะต้องรับผิดชอบผลการเทรดของคุณ ไม่ว่าคุณจะได้หุ้นจากกูรูหรือโบรกเกอร์ หรือคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ก็ตาม แต่คนที่ตัดสินใจซื้อก็คงเป็นคุณอยู่ดี การให้คนอื่นเป็นแพะรับบาปจากสิ่งที่คุณทำนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลา เพราะว่าคุณจะไม่ได้เรียนรู้จากสิ่งที่คุณทำพลาดเลย ซึ่งคนที่เรียนรู้และยอมรับความผิดพลาดของตนเองนั้นก็คือคนที่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าและพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น
คุณเป็นคนเดียวที่จะต้องรักษาวินัยของตนเอง เวลาที่คุณพลาด-โปรดอย่าคิดถึงความล้มเหลวในอดีต ให้มองไปข้างหน้า-ที่ซึ่งอาชีพการเทรดของคุณจะรุ่งเรืองอนาคตสดใส คุณจะต้องเป็นคนที่มั่งคั่ง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จิตที่อ่นอแรงก็จะมีแรงฮึด คุณจะสามารถเผชิญกับความท้าทายของการเทรดในวันพรุ่งได้



DIKW Method ของ Dan Zanger
พี่แดนก็เป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอีกคนที่เป็นหนอนหนังสือ จากประวัติของแก พี่แดนจะมุมานะอ่านหนังสือเกี่ยวกับชาร์ทแพทเทิร์นอย่างเอาจริงเอาจัง ในเว็บของแกจะแนะนำหนังสือดังนี้
- โมเมนตัม มาสเตอร์
- คัดหุ้นชั้นยอด ด้วยระบบชั้นเยี่ยม อ่าน สรุป CAN SLIM คัดหุ้นยอดด้วยระบบชั้นเยี่ยม
- Encyclopedia of Chart Patterns ของ Bulkowski
- Japanese Candlestick Charting Techniques
- How Technical Analysis Works โดย Bruce M. Kamich
- How I Made $2,000,000 in the Stock Market Paperback โดย Nicolas Darvas อ่านสรุปหนังสือได้ที่นี่
- Trading for a Living โดย Alexander Elder
- Getting Started in Technical Analysis โดย Jack D. Schwager
- Reminiscences of a Stock Operator โดย Edwin Lefèvre  อ่านสรุป "บันทึกลับเซียนหุ้น ได้ที่นี่

จากข้อสังเกตของผม ท่าไม้ตายหรือ wisdom ของพี่แดน จะเป็นการผสมผสานระหว่างแนวคิดของปู่โอนีล ก็คือ CANSLIM ซึ่งจะได้วิธีการเลือกหุ้นที่มีโอกาสเป็นผู้ชนะ ด้วยการดูผลประกอบการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด แล้วก็เอาหุ้นที่เข้าสูตรนี้ไปดูกราฟ หาตัวที่ทำ pattern ที่เขาแม่น นั่นก็คือ bullish flag ซึ่งผมมองว่าทรงนี้ก็น่าจะเข้าข่าย high tight flag นั่นเอง เพราะการที่ซื้อแล้วราคาดีดแรงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ในวันเดียว มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น นอกจากนี้ก็ยังมี pattern ที่ใช้บ่อยก็คือ cup with handle, triangle ซึ่งเขาชอบซื้อตอนที่ราคา breakout
ส่วนจุดขายหุ้นออกนั้น ผมคิดว่าเขาน่าจะใช้การดูราคาเป้าหมายทาง pattern
 ที่มา binarytrading
 ที่มา topstockresearch

 ที่มา investopedia
ที่มา feedroll
และการดู climax run แบบปู่โอนีล ซึ่งผมเคยทำไว้ที่โพสต์ หน้าตา Climax Tops กับเคสหุ้นไทย
หรือคุณสามารถอ่านเคสล่าสุดได้ที่หนังสือ หุ้นซิ่ง สวิงเทรด ครับ
ซึ่งผมคิดว่าพี่แดน น่าจะหาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของแท่งเทียนจากหนังสือ Japanese Candlestick Charting Techniques นั่นเองครับ
ข้อมูลจากหนังสือเหล่านี้ จะถูกเอามาหลอมรวมเพื่อใช้ในการหาจุดซื้อและขาย เพื่อทำให้ตัวเองได้กำไรจากการเทรดนั้นเองครับ ซึ่งจากการลองผิดลองถูกและศึกษาความผิดพลาดของตนเอง ก็สามารถสร้างกฎของตัวเองที่ชื่อว่า Dan's 10 Golden Rules ซึ่งมันก็กลายเป็นสไตล์ของตัวเขาเอง


จุดซื้อ-จุดขาย
จุดซื้อ เขาจะเริ่มต้นดูการสร้างฐานราคาก่อนเสมอ และจะเน้นเล่นเฉพาะช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้นสุดคึกเท่านั้น บางครั้งเขาสามารถอยู่เฉยๆเป็นเวลา ๒-๖ เดือน เพื่อรอโอกาส
๑) แบบ breakout เมื่อราคาทะลุกรอบของฐานราคาที่เขาชอบ(flat channel, bull flag, เป็นหลัก ส่วน cup with handle, decending channels นานๆใช้ที)ขึ้นไปได้ หรือถ้าเห็นราคาทำ all time high พร้อมวอลุ่มเทรดที่เพิ่มอย่างมากก็เป็นจุดซื้อที่ดี แต่ต้องย้ำอีกครั้งนะครับว่าตลาดต้องเป็นขาขึ้นเท่านั้น
๒) แบบ pullback ซื้อเมื่อราคาย่อลงมาที่เส้นค่าเฉลี่ย 10 หรือ 21 วัน (โดยมันต้องเป็นขาขึ้นที่ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ใช่ sideway นะครับ) การซื้อตอนที่เส้นค่าเฉลี่ยยังเฉียงชันขึ้น จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จมากกว่าตอนที่เส้นค่าเฉลี่ยหมดความชัน
จุดขาย ก็มี ๒ แบบ
๑) stop loss : เมื่อราคาวิ่งสวนทาง และเมื่อมันทำตัวไม่เป็นตามที่คาดเอาไว้ จะขายหุ้นอ่อนแอทันทีที่เห็นมันอ่อนแรง เพราะเมื่อไม่มีแรงซื้อสนับสนุน มันจะร่วงแรงมาก
๒) take profit : ขายตอนที่ราคาวิ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง(selling into strength) จนหมด แต่ถ้ายังเหลือ ก็ใช้การลงไปหลุดเส้นค่าเฉลี่ย คือเส้น 21 วัน (แบบ selling weakness) จนหมด ตัวช่วยในการขายของเขามีหลากหลายมาก เส้น 21 วัน, trendline, แท่งเทียนกลับตัว โดยจะเอามาใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์

สรุปเส้นทางของพี่แดน ก็จะได้ดังภาพนี่ครับ

คือแกทำงานหนักจริงๆ ซึ่งผลของความมุ่งมั่น ก็จะออกมาเป็นภาพสวยหรูหน้าฉากที่เราเห็น ซึ่งมันก็เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น กว่าแกจะมีวันนี้ได้ แกลงมือทำอย่างบ้าคลั่ง เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง แล้วก็พัฒนาจนสามารถมีที่ยืน เป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่เราเห็นครับ
ดังนั้น เม่ามือใหม่อย่างเรา อย่ามัวแต่ฝันนะครับ ลงมือทำ และเรียนรู้ ทำการบ้าน ตรวจสอบตัวเอง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สักวันเราอาจจจะไปยืนในจุดที่พี่แดนทำไว้ก็ได้ครับ

อ่านเพิ่มเติม และที่มา
http://tigertradingclub.com/downloads/Stocks%20&%20Commodities%20Chart%20Patterns_Dan%20Zanger_Interview.pdf
https://stockbee.blogspot.com/2007/01/earnings-and-dan-zanger.html
https://www.investopedia.com/articles/trading/04/082504.asp
http://www.traderslog.com/stock-jungle
https://uk.advfn.com/newspaper/azeez-mustapha/13277/dan-zanger-be-a-top-trader
www.chartpattern.com
http://www.chartpattern.com/news/fortune.html
หนังสือ โมเมนตัม มาสเตอร์
วิธีการเทรดของ Dan Zanger



บทความที่ทีเนื้อหาเกี่ยวกับพี่ Dan Zanger
บทสัมภาษณ์ Dan Zanger : แนวทางการ Swing Trade ตั้งแต่หาหุ้น ซื้อ ถือ ขาย
(ใหม่) Play list คลิป Dan Zanger ที่ช่อง Zyo

(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading